วัดวังหิน

 วัดวังหิน

ประวัติวัดวังหิน

วัดวังหิน ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ ๕ ตำบลย่านยาว อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี

     เดิมวัดวังหินทางแถบแม่น้ำท่าจีนไม่มีประตู พอถึงหน้าแล้งน้ำจะแห้งเป็นช่วงๆ โดยเฉพาะหน้าวัดวังหินจะเป็นช่วงน้ำลึกเป็นที่มีปลาชุกชุม ชาวบ้านมักจะถามกันว่าไปหาปลาที่ไหน ชาวบ้านส่วนใหญ่ จะบอกว่าไปหาปลาที่วังหินเพราะที่นี่มีหิน กรวด เป็นจำนวนมาก ฝูงปลามักจะเข้ามาอาศัยชุมนุมอยู่ อีกทั้งผู้คนที่มาอยู่อาศัยอยู่กันเป็นหมู่ใหญ่ จึงได้ตั้งชื่อหมู่บ้านว่า "บ้านวังหิน"

วัดวังหิน

     ต่อมาเมื่อมีความเจริญขึ้น จึงสร้างวัดขึ้นมา โดยที่ประชาชนชาวบ้านมีความคิดเห็นตรงกัน ให้มีชื่อว่า วัดวังหิน ชาวบ้านได้ขออนุญาตสร้างวัดกับทางกรมการศาสนา  และทางกรมการศาสนาได้ให้อนุมัดสร้างวัดขึ้น เมื่อวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๓๔  พระอธิการขวัญ ได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส โดยมีเนื้อที่ดินตั้งวัดทั้งหมด ๓๗ ไร่ หลังจากนั้นพระอธิการขวัญ ได้มีการสร้างอุโบสถผูกพัทธสีมาเมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๒  หลังจากนั้นพระอธิการขวัญได้ลาสิกขาบท

     ต่อมาพระครูวิริยสุนทร (หลวงพ่อเล็ก) ได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาส ได้ปรับปรุงวัดให้ดีขึ้น และสร้างมณฑปหลังเก่าหลวงพ่อโตปางป่าเลไลยก์ จากนั้นได้รับตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอสามชุก อยู่ประมาณ ๘ พรรษา จึงได้มรณภาพ

     พระสมุห์แปรก ได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสเป็นองค์ต่อมา อยู่ได้ไม่นานก็ลาสิกขา

     หลังจากนั้นพระครูโกมุดสมาณคุณ (พระมหาเผื่อน) ได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาส และตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอสามชุก ได้ปกครองพระคณะสงฆ์ อยู่ต่อมาก็ลาสิกขาไปอีก

     ต่อมาพระครูสิริสุตคุณ (หลวงพ่อแคล้ว) ได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาส และตำแหน่งเจ้าคณะตำบลย่านยาว นานพอสมควร เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๓ ได้มรณภาพ  จากนั้นปี พ.ศ. ๒๕๓๔ ตั้งศพหลวงพ่อแคล้วได้เกิดไฟไหม้ศาลาขึ้น เมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ.๒๕๓๔

     หลังจากนั้นพระครูสุภัทรกิตติญาณ (เจริญ) ได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาส และรับตำแหน่งรองเจ้าคณะตำบลสามชุก ได้ปรับปรุงวัดใหม่สร้างศาลาการเปรียญขึ้นใหม่ และย้ายกุฏิมาอยู่ใต้ศาลาการเปรียญ  เดิมทีกุฏิอยู่เหนือศาลาการเปรียญ

       เมื่อปี  พ.ศ.  ๒๕๓๗  พระครูสุภัทรกิตติญาณ ได้มีความคิดเห็นว่าอุโบสถเก่าชำรุด จึงได้สร้างอุโบสถใหม่ขึ้นมา สร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๑ ใช้งบประมาณในการ ก่อสร้างเป็นจำนวนเงิน  ๖๐๐๖,๖๘๙ บาท   และผูกพัทธสีมาเมื่อวันที่  ๓๐  ธันวาคม  พ.ศ.  ๒๕๔๒  ถึง  วันที่  ๗  มกราคม  พ.ศ.  ๒๕๔๓ ต่อมาเมื่อปี    พ.ศ.   ๒๕๔๗   ได้สร้างมณฑปหลังใหม่และย้ายหลวงพ่อโตปางป่าเลไลยก์จากหลังเก่า มาอยู่หลังใหม่ หลังจากนั้น   พระครูสุภัทรกิตติญาณ ได้มรณภาพ  เมื่อปี  พ.ศ.  ๒๕๔๙ประวัตพระมณี    ติกฺขญาโณ  (เล็ก)  นามสกุล   สุริวงษ์  เกิดที่บ้านวังหิน บ้านเลขที่  ๕๐ หมู่ที่  ๕  ต.ย่านยาว อ. สามชุก  จ. สุพรรณบุรี  บวชเมื่อวันที่  ๒๕  มีนาคม  พ.ศ.  ๒๕๒๑ ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดวังหินมาตลอด  ต่อมาพระครูสุภัทรกิตติญาณได้มรณภาพ พระอธิการมณี ติกฺขญาโณ ได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส เมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์  พ.ศ. ๒๕๔๙ 

     จากนั้นพระอธิการมณี ติกฺขญาโณ  ได้จัดสร้างสะพานข้ามแม่น้ำท่าจีนขึ้นเมื่อ วันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๐   สร้างเสร็จเมื่อ วันที่  ๑๔  มิถุนายน  พ.ศ.  ๒๕๕๑  ใช้งบประมาณในการก่อสร้างสะพานเป็นจำนวน  ๕๗๙๕,๖๒๕ บาท  และทาง  อ.บ.ต. ตำบล ย่านยาว  นางจำเนียร     จันทร์วิเศษ  ได้จัดงบประมาณมาช่วย  ๒๐๐๐,๐๐๐ บาท

     ปี พ.ศ.๒๕๕๒  พระอธิการมณี ติกฺขญาโณ  ได้บูรณะเมรุหลังเก่า และสร้างห้องน้ำขึ้นใหม่ใช้งบประมารในการก่อสร้างเป็นจำนวนเงิน  ๑๗๓๐,๓๕๒ บาทต่อมาพระอธิการมณี  ติกฺขญาโณ   ได้บูรณะอุโบสถหลังเก่าเปลี่ยนกระเบื้องเป็นบางส่วน และเทหินขัดพื้นใช้งบประมาณการก่อสร้างเป็นจำนวนเงิน  ๒๓,๘๐๐ บาท  เพื่ออนุรักของเก่า ไว้ให้เด็กรุ่นหลังดูอุโบสถหลังเก่านับร้อยกว่าปี ต่อมาเมือปี ๒๕๕๗ได้รับตำแหน่งพระปลัดมณี ติกฺขญาโณ ต่อมาเมื่อปี ๒๕๕๘ ได้รับงบประมาณของกรมโยธาธิการและผังเมืองงบประมาณ๒๙,๗๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท เมื่อวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๙ ได้รับพระราชทานสมณศักค์ชั้นโท พระราชชินนามว่า  พระครูสุภรัตโนภาส

 

ขอบคุณข้อมูลจาก http://watwanghin.blogspot.com/

EX01

12345 001
แบบวัดการรับรู้
ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก (EIT)

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

karnjana
dla
newskm
1111
1567
cgd go th
thaihealth
egovernment
oag go th
samaphan.org
admincourt
สาระน่ารู้จากศาลปกครอง
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

Login Form

จำนวนผู้เยี่ยมชม

วันนี้1078
เมื่อวานนี้2103
สัปดาห์นี้6038
เดือนนี้60844
ทั้งหมด604751